สัญลักษณ์ก้นขวดนมเด็กมีความสำคัญอย่างไร แบบไหนปลอดภัยสุด ?

แน่นอนว่าการจะมีลูกสักคน เหมือนกับเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เพื่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกน้อย โดยเฉพาะกับเรื่องพื้นฐานตั้งแต่แรกเกิด พวกของใช้เด็กอ่อน อย่างขวดนมเด็ก จุกนมเด็ก จะต้องมีมาตราฐานและคุณภาพมากที่สุด

ภาพจาก Babylist

ขวดนมเด็กที่ผ่านมาตราฐานความปลอดภัยสำหรับลูกน้อยคือ ขวดนมเด็กที่ผลิตจากโพลีพรอพพีลีน หรือ PP หรือที่คุณแม่รู้จักกันดีในชื่อเรียก ขวดนมเด็ก BPA Free หรือแปลตรงตัวคือ ไม่มีสาร BPA ปนเปื้อนอย่างแน่นอน

เลือกขวดนมเด็กต้องสังเกตุอะไรบ้าง ?

สำหรับคุณแม่มือใหม่ อาจจะยังไม่รู้ว่า การเลือกขวดนมเด็กที่มีคุณภาพ จะต้องสังเกตุจากอะไรได้บ้าง ? วันนี้เลยขอสรุปรายละเอียดเกี่ยวกับการเลือกขวดนมเด็กแบบสั้นๆ เข้าใจง่าย มาฝากกัน คุณพ่อคุณแม่จะได้เลือกขวดนมเด็กอย่างมั่นใจ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยนะคะ

ขวดนมเด็กมาตราฐาน PP

อันดับแรกเลยสำหรับการสังเกตุขวดนมเด็กคุณภาพ ให้ดูที่ก้นขวดว่ามีสัญลักษณ์เลข 5 ตรงกลางและมีรูปลูกศรล้อมรอบ เป็นตัวการันตีว่าขวดนมเด็กได้รับมาตราฐานผลิตจากโพลีพรอพพีลีนหรือ PP ปลอดภัยสำหรับเด็กเล็กอย่างแน่นอนค่ะ = ควรเลือกซื้อมาใช้งาน

ภาพจาก NUTRITION Solutions

ขวดนมเด็กพลาสติโพลีคาร์บอนเนต

แต่ตามท้องงตลาดก็จะมีขวดนมเด็กอีกประเภท คือขวดนมเด็กที่ผลิตจากพลาสติกโพลีคาร์บอนเนต สังเกตุได้จากบริเวณก้นขวดจะมีสัญลักษณ์เลข 7 อยู่ตรงกลางและมีลูกศรล้อมรอบ ขวดนมเด็กประเภทนี้ไม่ควรซื้อมาใช้งาน เนื่องจากมีการปนเปื้อนจากสาร BPA ที่ไม่ปลอดภัยกับตัวเด็ก ควรหลีกเลี่ยงค่ะ

สาร BPA อันตรายแค่ไหน ?

สาร BPA ขึ้นชื่อว่าค่อนข้างอันตรายมากสำหรับเด็ก แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่า อันตรายสักแค่ไหนเชียว ? ทำไมถึงต้องหลีกเลี่ยง ? เรามาดูกันค่ะว่า สาร BPA หากเด็กน้อยรับสารเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายแล้วจะส่งผลอะไรบ้าง …

สาร BPA เป็นอันตรายต่อระบบร่างกายของเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระบบการสร้างเซลล์สมอง ระบบประสาท เรื่องของความทรงจำ ซึ่งกระทบต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ รวมไปถึงฮอร์โมนการเจริญเติบโต และการสืบพันธุ์ ทำให้เด็กโตเป็นหนุ่ม เป็นสาวเร็วเกินไป และมีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคอ้วนอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีโอกาศเป็นไฮเปอร์แอคทีฟ รวมไปถึงเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน และโรคหัวใจยิ่งสะสมมาก ก็จะยิ่งลดศักยภาพการทำงานของ่างกายมากขึ้น ที่สำคัญคือ เด็กทารก เมื่อได้รับสาร BPA ก็จะส่งผลกระทบที่รุนแรงมากกว่าในเด็กโต หรือผู้ใหญ่

อายุการใช้งานของขวดนมเด็กและจุกนม

• สำหรับขวดนมเด็กสีขาวใส หรือ ขาวขุ่น สามารถทนความร้อนได้ 100 องศา มีอายุการใช้งานเพียง 6 เดือนเท่านั้น แต่ถ้าหากขวดนมเด็กมีรอขีดข่วน ก็ควรรีบเปลี่ยนทันที
• ขวดนมเด็กสีชา หรือสีน้ำผึ้ง สามารถทนต่อความร้อนได้ 180 องศา มีอายุการใช้งานได้นานถึง 2 ปีแต่ถ้าหากมีรอยขีดข่วนก็ควรเปลี่ยนทันทีเช่นกัน
• จุกนมยาง สามารถทนต่อความร้อนได้ 100 องศา มีอายุการใช้งานเพียง 3 เดือน ควรเปลี่ยนจุกนมยางทุกๆ 2-3 เดือน ไม่ควรเสียดายหรือใช้งานเกินกว่านั้น
• จุกนมซิลิโคน มีความยืดหยุ่นมากกว่าจุกนมยาง สามารถทนต่อความร้อนได้ถึง 120 องศา และมีอายุการใช้งาน 3 เดือน ควรเปลี่ยนทุกๆ 2-3 เดือน ไม่ควรใช้งานเกินกว่านั้น

ภาพจาก babycenter.com

วิธีสังเกตุว่าจุกนมเสื่อมรึยัง ?

เราสามารถสังเกตุได้ด้วยตัวเองว่าจุกนมนั้นเสื่อมสภาพ ไม่ควรใช้งานต่อ และจะต้องเปลี่ยนทันทีถ้าหากมีอาการดังต่อไปนี้

• โดยปกติแล้วจุกนมเด็กน้ำนมจะต้องไหลแบบเป็นหยด แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ที่น้ำนมไหลเป็นสาย หรือไหลออกมาไม่สม่ำเสมอ นั้นแสดงว่าจุกนมนั้นเสื่อมสภาพ รูจุกนมใหญ่เกินไป ควรเปลี่ยนทันที
• จุกนมยางเมื่อผ่านการใช้งานไปนานๆ หรือผ่านการต้นเพื่อฆ่าเชื้ออยู่บ่อยครั้ง ยางจะบางลงและจะเสียรูปทรง โดยคุณสามารถทดสอบว่าจุกนมยางมีสภาพดีอยู่หรือไม่ได้ดวยการ ดึงจุกนมยางแบบตรงๆ แล้วปล่อยมือ ถ้าหากจุกนมยางหดกลับเหมือนเดิม แสดงว่ายังสามารถใช้ได้ต่อ แต่ถ้าไม่ แนะนำว่าเปลี่ยนเถอะ
• สีของจุกนมซีดลง จุกนมบวม เนื้อยางนิ่มย้วย เวลาที่ลูกดูดจุกจะแบนจนน้ำนมไม่ไหล แสดงว่าจุกนมนั้นเสื่อมสภาพแล้ว ควรเปลี่ยนใหม่
• จุกนมเด็ก มีรอยแตกหรือขาด ต้องหยุดใช้ทันทีนะคะ เพราะว่าอาจจะมีเศษยางหลุดปนเข้าไปในปากขณะลูกน้อยกำลังดูดนม ซึ่งเศษยางอาจจะไปติดที่หลอดลม ปิดกั้นทางเดินหายใจและร้ายแรงที่สุดคืออาจจะเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตได้เลยค่ะ

พออ่านบทความจบแล้ว เราจะเห็นเลยว่าการเลือกขวดนมเด็กหรือแม้กระทั่งจุกนม ไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ควรมองข้าม เพราะทั้ง 2 อย่างที่กล่าวมา เป็นของใช้เด็กอ่อน ที่ใช้อยู่ทุกวันเป็นประจำ ถ้าหากเราเลือกของที่ไม่มีคุณภาพมาให้ลูกน้อย เท่ากับว่าเหมือนเราทำร้ายลูกน้อยของเราทางอ้อมแบบไม่รู้ตัวกันเลยทีเดียว