ปัจจุบันมีขวดนมเด็กให้เลือกหลากหลายชนิด หลากหลายเกรด และคุณภาพ มีทั้งราคาถูกไปจนถึงหลักพัน ก็แล้วแต่กำลังทรัพย์ของคุณแม่แต่ละคน แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกขวดนมเด็ก และจุกนมเด็ก จากวัสดุที่ปราศจากสาร BPA เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย
บทความนี้เลยขอแนะนำการเลือกขวดนมเด็ก และจุกนมเด็กคุณภาพมาตราฐาน และวิธีการสังเกตุความเสื่อมสภาพของขวดนมเด็กแต่ละชนิด เป็นสัญญาณบอกว่าควรเปลี่ยนใหม่ได้แล้ว ! จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย …
ขวดนมเด็กประเภทพลาสติก PP สามารถทนต่ออุณภูมิ -20 – 110 องศาเซลเซียส มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 6 เดือนและอาจจะเหลือเพียง 3 เดือนเท่านั้น ถ้าหากนึ่งหรือต้มบ่อยเกินไป
ขวดนมประเภทพลาสติก PES สามารถทนอุณภูมิ -50 – 180 องศาเซลเซียส มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 6 เดือนถึง 1 ปีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา และความถี่ในการต้มหรือนึ่งเพื่อฆ่าเชื้อ
ขวดนมเด็ก PPSU สามารถทนต่ออุณภูมิ -50 – 180 องศาเซลเซียส มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 8 เดือน – 2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและความถี่ในการต้ม หรือนึ่งฆ่าเชื้อ
ขวดนมเด็กวัสดุแก้ว เป็นขวดนมที่คุ้มทุ่สด แต่นิยมใช้น้อย เพราะมีน้ำหนักมาก และกลัวลูกทำหล่นแตก ขวดมเด็กวัสดุแก้ว มีอายุการใช้งานไม่จำกัด สามารถใช้ได้เรื่อยๆจนกว่าจะแตก หรือมีรอยขีดข่วน
ขวดนมเด็กรุ่นใหม่ๆ ส่วนมากจะเป็นพลาสติกจำพวก polypropylene (PP), polyethersulfone (PES), polyphenylsulfone (PPSU) ซึ่งไม่มีสาร BPA ในกระบวนการผลิตอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาเลือกขวดนมเด็กควรเลือกจากวัสดุที่นำมาผลิต สามารถดูได้ที่ข้างกล่อง หรือก้นขวด
เมื่อเราเลือกขวดนมเด็กและสังเกตุว่าขวดนมว่าเสื่อมสภาพแล้วหรือยังเป็นกันแล้ว มาต่อกันที่จุกนมเด็กเลยดีกว่า เพราะเป็นอีกของใช้ที่มาคู่กัน ดังนั้นเรามาดูกันค่ะว่า จุกนมแต่ละประเภท มีคุณสมบัติอะไรบ้าง และใช้นานแค่ไหนถึงจะควรเปลี่ยน
จุกนมยาง สามารถทนต่อความร้อนได้ 100 องศาเซลเซียส มีอายุการใช้งานเพียง 3 เดือนเท่านั้น ควรเปลี่ยนจุกนมยางทุกๆ 2-3 เดือน ไม่ควรเสียดาย หรือใช้งานเกินกว่านั้น
จุกนมซิลิโคน มีความยืดหยุ่นมากกว่าจุกนมยาง สามารถทนต่อความร้อนได้ถึง 120 องศา และมีอายุการใช้งาน 3 เดือน ควรเปลี่ยนทุกๆ 2-3 เดือน ไม่ควรใช้งานเกินกว่านั้น
บทความที่เกี่ยวข้อง > สัญลักษณ์ก้นขวดนมเด็กมีความสำคัญอย่างไร แบบไหนปลอดภัยสุด ?
ภาพจาก BabyCenter
ขวดนมเด็กประเภทพลาสติก PP
ขวดนมเด็กประเภทพลาสติก PP สามารถทนต่ออุณภูมิ -20 – 110 องศาเซลเซียส มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 6 เดือนและอาจจะเหลือเพียง 3 เดือนเท่านั้น ถ้าหากนึ่งหรือต้มบ่อยเกินไป
ขวดนมเด็กพลาสติก PES
ขวดนมประเภทพลาสติก PES สามารถทนอุณภูมิ -50 – 180 องศาเซลเซียส มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 6 เดือนถึง 1 ปีขึ้นไป ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา และความถี่ในการต้มหรือนึ่งเพื่อฆ่าเชื้อ
ขวดนมเด็ก PPSU
ขวดนมเด็ก PPSU สามารถทนต่ออุณภูมิ -50 – 180 องศาเซลเซียส มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 8 เดือน – 2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและความถี่ในการต้ม หรือนึ่งฆ่าเชื้อ
ขวดนมเด็กวัสดุแก้ว
ขวดนมเด็กวัสดุแก้ว เป็นขวดนมที่คุ้มทุ่สด แต่นิยมใช้น้อย เพราะมีน้ำหนักมาก และกลัวลูกทำหล่นแตก ขวดมเด็กวัสดุแก้ว มีอายุการใช้งานไม่จำกัด สามารถใช้ได้เรื่อยๆจนกว่าจะแตก หรือมีรอยขีดข่วน
ขวดนมเด็กรุ่นใหม่ๆ ส่วนมากจะเป็นพลาสติกจำพวก polypropylene (PP), polyethersulfone (PES), polyphenylsulfone (PPSU) ซึ่งไม่มีสาร BPA ในกระบวนการผลิตอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาเลือกขวดนมเด็กควรเลือกจากวัสดุที่นำมาผลิต สามารถดูได้ที่ข้างกล่อง หรือก้นขวด
ภาพสัญลักษณ์การันตีว่าขวดนมเด็กได้รับมาตราฐานผลิตจากโพลีพรอพพีลีนหรือ PP
ปลอดภัยสำหรับเด็กเล็กอย่างแน่นอน
จุกนมเด็กเสื่อมสังเกตุยังไง ?
เมื่อเราเลือกขวดนมเด็กและสังเกตุว่าขวดนมว่าเสื่อมสภาพแล้วหรือยังเป็นกันแล้ว มาต่อกันที่จุกนมเด็กเลยดีกว่า เพราะเป็นอีกของใช้ที่มาคู่กัน ดังนั้นเรามาดูกันค่ะว่า จุกนมแต่ละประเภท มีคุณสมบัติอะไรบ้าง และใช้นานแค่ไหนถึงจะควรเปลี่ยน
จุกนมยาง
จุกนมยาง สามารถทนต่อความร้อนได้ 100 องศาเซลเซียส มีอายุการใช้งานเพียง 3 เดือนเท่านั้น ควรเปลี่ยนจุกนมยางทุกๆ 2-3 เดือน ไม่ควรเสียดาย หรือใช้งานเกินกว่านั้น
จุกนมซิลิโคน
จุกนมซิลิโคน มีความยืดหยุ่นมากกว่าจุกนมยาง สามารถทนต่อความร้อนได้ถึง 120 องศา และมีอายุการใช้งาน 3 เดือน ควรเปลี่ยนทุกๆ 2-3 เดือน ไม่ควรใช้งานเกินกว่านั้น
บทความที่เกี่ยวข้อง > สัญลักษณ์ก้นขวดนมเด็กมีความสำคัญอย่างไร แบบไหนปลอดภัยสุด ?
ขวดนมเด็กเสื่อม จุกนมเด็กเสื่อม และอายุการใช้งานของขวดนมเด็กแต่ละสี
Reviewed by zymeiibear
on
พฤศจิกายน 28, 2560
Rating:
ไม่มีความคิดเห็น: